การกระทำเข้าข่าย แต่ยุติไปแล้ว และ 3.
เจษฎ์ วิเคราะห์ต่อไปว่า แบบที่สอง หากศาลรับพิจารณาคำร้องว่าเข้าข่ายมีความผิด ศาลรัฐธรรมนูญสั่งห้ามไม่ให้ปราศรัยในลักษณะดังกล่าวนั้นอีกเพราะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ก็จะมีผลคำวินิจฉัยใน 3 ลักษณะเช่นกัน คือ 1. สั่งให้คนที่ทำไม่ให้ทำอีก นั่นคือผูกพันผู้ถูกร้อง นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ น. ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (ผู้ถูกร้องที่ 1-3) 2. ไม่ให้ใครทำแบบนี้อีกเลย ในบรรดาของคนที่เคยทำมาก่อน คือผูกพันกับกลุ่มคนที่เคยกระทำการในลักษณะเดียวกัน ไม่ให้ทำอีกต่อไป และ 3. ห้ามไม่ให้ใครทำแบบนี้อีกเลย โดยให้ยึดเป็นบรรทัดฐาน สำหรับบุคคลทั่วไป ห้ามไม่ให้กระทำในลักษณะดังกล่าวอีก (กรณี 2 และ 3 เป็นการตีความอย่างกว้าง) รศ. เจษฎ์ ชี้ประเด็นเพิ่มเติมว่า ที่ต้องสั่งแบบนี้เนื่องจากมาตรา 49 ของ รธน. 60 วินิจฉัยความผิดเพียงให้เลิกกระทำ ดังนั้นในแบบที่ 1. ก็จะพบการกระทำความผิดในแบบที่วันนี้ทำอยู่ พรุ่งนี้ก็ทำ วันมะรืนก็ทำอีก และถ้ามีคนไปร้องและศาล รธน. บอกให้เลิกทำ แบบนี้ชัดเจน ส่วนแบบที่ 2 คือ มีการเตรียมการว่าพรุ่งนี้เราไปทำกันนะ แล้วมีคนไปร้อง ศาลก็จะวินิจฉัยว่าถ้าทำถึงขั้นระดับนี้จึงจะมีความผิด ถ้าขึ้นเวทีปุ๊บก็สั่งเลิกได้เลยถือว่ามีความผิดแล้ว ส่วนแบบที่ 3 คือทำไปแล้ว จบไปแล้ว ก็ต้องกำหนดเป็นบรรทัดฐานว่าคนเหล่านี้ที่ถูกร้องไม่ให้ทำอีกเลย อย่างไรก็ตาม การจะมีคำวินิจฉัยความผิดโดยอาศัย มาตรา 49 ของ รธน.
ศาลอาญากรุงเทพใต้พิพากษา ซีพีชนะคดีฟ้องหมิ่นประมาท จำคุก 2 ปี และปรับ 100, 000 บาท นายสถิต โคกศรี เจ้าของเพจ "ตาสว่าง" ตามที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) โดย บมจ. ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสถิต โคกศรี สมาชิกเฟซบุ๊ค ที่ใช้ชื่อบัญชีผู้ใช้ว่า "ตาสว่าง" ในข้อหา "หมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา" ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 15 ม. ค.
ปนัสยา เมื่อวันที่ 10 ส. ค. 63 ซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ไว้พิจารณาวินิจฉัยและให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งอัยการสูงสุด สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อวันที่ 22 ก. ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ อภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยแล้ว เห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สวน และกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้น "คมชัดลึก" เกาะติดผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีดังกล่าวว่าจะเป็นไปในรูปแบบนี้ ใน "เจาะประเด็นร้อน" โดย รศ. ดร. เจษฎ์ โทณวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย วิเคราะห์ถึงแนวทางของผลคำวินิจฉัยให้ได้ทราบว่ามีความเป็นไปได้ใน 2 รูปแบบด้วยกัน รศ. เจษฎ์ โทณวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์ วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย แบบแรกคือตีตก ยกคำร้อง และแบบที่สองคือการรับพิจารณาและวินิจฉัย หากเป็นแบบแรกคือตีตกยกคำร้อง จะประกอบด้วย 3 ลักษณะด้วยกันคือ 1. การกระทำไม่เข้าข่าย 2.
วันที่ 25 ม. ค. 65 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ชาวเน็ตต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้ หลังจากศาลอาญา ถ. รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ. 2890/2562 ที่น. ส. ชลิตา บัณฑุวงศ์ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ม. เกษตรศาสตร์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร. อ. ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 2 ต. 62 จำเลยโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวใช้ชื่อว่า "ผู้กองปูเค็ม" ทำนองว่า "พรุ่งนี้จะยื่นหนังสือร้องอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรณี ดร. ชลิตา บัณฑุวงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ ยุยง ปลุกปั่นประชาชนแยกดินแดน ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ขอเชิญสื่อมวลชนด้วยครับ ทำให้เพื่อนในเฟซบุ๊กและบุคคลที่สามเห็นข้อความแล้วแสดงความคิดเห็นด้วยข้อความดูหมิ่น เกลียดชัง และด่าทอโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ต่อมาวันที่ 3 ต. 62 เวลาประมาณ 08. 00 น. จำเลยไลฟ์สด ผ่านเฟซบุ๊ก เผยแพร่ข้อความใส่ความโจทก์ว่า "จัดเต็มแม่งอย่างเดียวครับ นี่คือแม่พิมพ์นะครับ แม่พิมพ์ขอมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีแนวคิดกบฏ แยกแผ่นดินนะครับ แล้วลูกศิษย์ลูกหา นิสิตจะเป็นยังไง คงไม่ต้องเดานะครับ" และข้อความว่า "เอาผลประโยชน์การเมืองของตัวเองไปแลกกับผลประโยชน์ของชาติของประเทศ จากนั้นเวลา 10.
นี้ว่าจะออกมาเป็นไปในรูปแบบใด สำหรับผลที่ตามมาหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของนายอานนท์ กับพวก เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยศาลรธน.