หากคำนาม (noun) หรือประธาน (subject) เป็นพหูพจน์โดยรวมถึง I และ You ด้วย กริยาช่อง1 (verb1) จะไม่ต้องเติม s หรือ es เช่น They/ I/ You go to school. ประโยคคำถาม ใช้ verb to do/does นำหน้าประโยค ถ้าต้องการทำเป็นคำถามที่ตอบ "Yes", "No" ให้นำ Verb to be (is, am, are) ขึ้นต้นนำหน้าประโยค เช่น Are you hungry? Yes, I'm so hungry. ประโยคปฏิเสธ ใช้ verb to do/does + not นำหน้าคำกริยา เช่น They don't go to school today หรือ She doesn't want to talk to anyone now. Verb to be (is, am, are) สามารถใช้ได้กับ Present Tense ได้ เมื่อต้องการจะเปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคปฏิเสธ โดยให้เติม not หลัง verb to be ได้เลย เช่น He is not a bad guy. หรือ We are not his sisters. Present Continuous Tense Present Continuous Tense เป็น Tense ที่ใช้พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงอยู่ในขณะนั้น หรือเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นก่อนขณะพูดและยังเกิดขึ้นต่ออีกเล็กน้อยขณะที่พูดจบไป นอกจากนี้ยังใช้กับการกระทำที่เกิดขึ้นจนเป็นนิสัย และส่วนมากมักจะมีคำที่ใช้บอกเวลา เช่น now, today, at this moment เป็นต้น โดยมีโครงสร้างคือ: S (Subject) + Verb to be (is, am, are, ) + V. 1(เติม ing) เช่น I am eating an apple now.
หรือ I am not going to see movie tonight. Future Perfect Continuous Tense Future Perfect Continuous Tense เป็น Tense ที่ใช้บอกเหตุการณ์หรือการกระทำที่ได้กระทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีต และยังดำเนินต่อเนื่องไปถึงปัจจุบัน และในอนาคต โดยมีโครงสร้างคือ: S (Subject) + will, shall + have + been + V. 1 (เติม ing) + O (Object) แบบมีเหตุการณ์เดียว เช่น I will have been eating breakfast for 30 minutes at 8 o'clock tomorrow. แบบมีสองเหตุการณ์ (ซึ่งเหตุการณ์ที่ได้ดำเนินมาแล้วระยะหนึ่งใช้ Future Perfect Continuous อีกเหตุการณ์หนึ่งใช้ Present Simple) เช่น I will have been waiting for two hours when the plane arrives. ประโยคคำถาม ให้ใช้ will ขึ้นต้นประโยค ตามด้วยประธาน และตาม have been V. 1 (เติม ing) เช่น Will you have been waiting for me for two hours when I arrive? หรือ How long will you have been waiting for me when I arrive? อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ในเรื่องของ Grammar หรือไวยากรณ์ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถของคุณเพียงแต่ต้องทำความเข้าใจในรูปประโยค และที่สำคัญหมั่นใช้ให้เป็นประจำ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าคุณจะพูดผิดหรือถูก เพราะหากคุณใช้มันเป็นประจำก็จะทำให้คุณเกิดความเคยชินนั่นเองค่ะ บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง และน่าสนใจ 5 เทคนิคการเขียน Email ภาษาอังกฤษให้ดูดีแบบมืออาชีพ!