ปี 1991 ( พ. ศ. 2534): นายเลโอนิด คราฟชุค ผู้นำสาธารณรัฐโซเวียตยูเครน ประกาศเอกราชจากรัฐบาลกลางในกรุงมอสโก หลังจากนั้นมีการลงประชามติและการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งคราฟชุคได้รับชัยชนะ ดำรงตำแหน่งผู้นำยูเครนคนแรก ปี 1994 ( พ. 2537): นายเลโอนิด คุชมา ชนะการเลือกตั้งเหนือคราฟชุค ได้ดำรงตำแหน่งผู้นำคนที่สองของยูเครน ปี 1999 ( พ. 2542): คุชมาชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ท่ามกลางข้อครหามากมาย ปี 2004 ( พ. 2547): นายวิกเตอร์ ยานูโควิช นักการเมืองนิยมรัสเซีย คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของยูเครน แต่ข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริต ส่งผลให้เกิดการประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ ที่เรียกว่า "การปฏิวัติสีส้ม" ตามด้วยการจัดเลือกตั้งใหม่ ซึ่งนายวิกเตอร์ ยุชเชนโก อดีตนายกรัฐมนตรี และนักการเมืองสายนิยมตะวันตก ชนะการเลือกตั้ง ปี 2005 ( พ. 2548): ยุชเชนโกประกาศแนวทางการบริกหารยูเครน "ให้พ้นจากเงาของทำเนียบเครมลิน" มุ่งหน้าหาความสนับสนุนจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต) และสหภาพยุโรป ( อียู) ยุชเชนโกแต่งตั้งนางยูเลีย ทิโมเชนโก นักธุรกิจหญิงซึ่งมีจุดยืนทางการเมืองแบบเดียวกัน ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เธอถูกปลดในเวลาต่อมา ท่ามกลางความขัดแย้งภายในรัฐบาล ปี 2008 ( พ.
ศ. 1930 คานธีเป็นผู้นำชาวอินเดียเดินขบวนต่อต้านการเก็บภาษีเกลือของเจ้าอาณานิคมอังกฤษบนระยะทาง 400 กิโลเมตร และในอีก 12 ปีต่อมาเขาก็ได้เป็นผู้นำชาวอินเดียต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษด้วยวิธีอหิงสา-การต่อสู้เรียกร้องโดยไม่ใช้กำลัง กระทั่งประสบความสำเร็จใน ค. 1947 ค. 1948 นาถูราม โคทเส ยิงคานธี ที่หน้าอกสามนัด ในระยะเผาขนด้วยปืนพกกึ่งอัตโนมัติ คานธีเสียชีวิตเกือบจะในทันที หลังจากยิงไปแล้ว โคทเสมิได้พยายามหลบหนีหรือขู่คนอื่นอีก เขาถูกโจมตีและตรึงติดกับพื้นโดยฝูงชนรอบตัวเขา ศาลสูงรัฐปัญจาบพิพากษาประหารชีวิต โคทเส ด้วยการแขวนคอที่เรือนจำ อัมบาลา เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.
ส่วนนำ ประกอบด้วย 1. 1 ปกนอก คือ ส่วนที่เป็นปกหุ้มรายงานทั้งหมด มีทั้งปกหน้า และปกหลังกระดาษที่ใช้เป็นปกควรเป็นกระดาษแข็งพอสมควร สีใดก็ได้ ข้อความที่ปรากฏบนปกนอกดูได้ตามตัวอย่างที่ได้แสดงไว้ 1. 2 ใบรองปก คือ กระดาษเปล่า ๑ แผ่น อยู่ต่อจากปกนอก เพื่อความสวยงาม และเป็นเครื่องช่วยป้องกันไม่ให้เสียหายถึงปกใน หากปกฉีกขาดเสียหายไป 1. 3 ปกใน คือ ส่วนที่อยู่ต่อจากปกนอก นิยมเขียนเหมือนปกนอก 1. 4 คำนำ คือ ส่วนที่อยู่ถัดจากหน้าปกใน ผู้เขียนรายงานเป็นผู้เขียนเอง โดยกล่าวถึงวัตถุประสงค์ และขอบเขตของรายงาน อาจรวมถึงปัญหา อ Cold War สงครามเย็น เรียบเรียงโดยนาลิน คงชูดี 1. นิยามสงครามเย็น สงครามเย็น หมายถึง การประจันหน้าด้านอุดมการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้นำลัทธิเสรีประชาธิปไตยกับ สหภาพโซเวียตประเทศ ผู้นำลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นการปะทะกันทุก ๆ วิถีทาง ยกเว้นด้านการทหาร การขยายอำนาจในสงครามเย็นจึงเป็นลักษณะการแสวงหาพรรคพวกร่วมอุดมการณ์และแข่งขันกันเป็นมหาอำนาจทางการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ โดยไม่ทำสงครามกันอย่างเปิดเผย แต่เป็นการสนับสนุนให้ประเทศที่เป็นพวกของแต่ละฝ่ายทำสงครามตัวแทน 2. สาเหตุของสงครามเย็น 1.
2560): ยูเครนและอียูบรรลุข้อตกลงการค้าและความร่วมมือ เม. ย. 2019 ( พ. 2562): นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี อดีตนักแสดงตลก ชนะโปโรเชนโกในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ก. พ. 2021 ( พ. 2564): รัฐบาลยูเครนขึ้นบัญชีดำนายวิกเตอร์ เมดเชฟชุค ผู้นำฝ่ายค้าน และพันธมิตรทางการเมืองคนสำคัญของรัสเซียในยูเครน ฤดูใบไม้ผลิ 2564: กองทัพรัสเซียเริ่มวางกำลังทหารและสรรพาวุธตามแนวพรมแดนฝั่งตะวันตก ที่ติดกับภาคตะวันออกของยูเครน ธ. 2564: ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตือนเรื่องการคว่ำบาตรอย่างหนักต่อรัสเซีย หากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สั่งให้ทหารยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาในยูเครน หลังจากนั้นมีการเจรจากันอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่รัสเซียเรียกร้อง "หลักประกันความมั่นคง" รวมถึงการที่นาโตต้องไม่รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก 22 ก. 2022 ( พ. 2565): ปูตินรับรองสถานะของ "สาธารณรัฐโดเนตสก์" และ "สาธารณรัฐลูฮันสก์" ในภูมิภาคดอนบาส 24 ก. : รัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคดอนบาส "เพื่อป้องปราม" และ "ตอบสนอง" ต่อ "ความก้าวร้าว" ของยูเครน และเตือน "กองกำลังภายนอก" ไม่ควรยุ่งเกี่ยว. เครดิตภาพ: REUTERS
ศ. 2143 (ค. 1600) เพื่อค้าขายพร้อมทั้งครอบครองดินแดนและแทรกแซงในการเมืองท้องถิ่น จนกระทั่งอินเดียตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ในปี พ. 2420 (ค. 1877) ทำให้บริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษมีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศอินเดีย [1] และปัจจัยภายใน ช่วงนั้น ราชวงศ์โมก์ฮัลหรือราชวงศ์โมกุล (Mughal) ตกต่ำเสื่อมถอย เนื่องจากการคอรัปชั่น กดขี่ราษฎร และการก่อกบฏ จนในที่สุดก็ถึงกาลล่มสลายลงในรัชสมัยของกษัตริย์โอรังเซบ (Aurangzab) ซึ่งปกครองอินเดียในช่วงปี ค. 1658 – 1707 โดยสรุปแล้วทั้งปัจจัยภายนอก คือ การเข้ามามีอิทธิพลของอังกฤษต่ออินเดียที่ต้องการสร้างรายได้ในรูปแบบภาษีให้แก่รัฐบาลอังกฤษและปัจจัยภายใน คือ ความอ่อนแอของราชสำนักโมกุลในอินเดียเอง จึงทำให้อินเดียเสียเอกราชให้แก่อังกฤษ ในปี ค. 1877 การตื่นตัวเรื่องชาตินิยมในสังคมอินเดีย ในช่วง ค.
โอ.