การผ่าคลอดมีกี่แบบ สำหรับการผ่าคลอด มี 2 ลักษณะ คือ ผ่าคลอดแนวตั้ง แนวผ่าตัดจะเริ่มตั้งแต่ใต้สะดือลงมาถึงช่วงกลางหัวหน่าว โดยจะมีการผ่าลงลึกไปถึง 7 ชั้น จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไรนัก ยกเว้นกรณีคุณแม่มีภาวะฉุกเฉิน เช่น ลูกน้อยในครรภ์กำลังขาดออกซิเจน ภาวะรกเกาะต่ำมีเลือดออกมาก เป็นต้น ผ่าคลอดแนวนอน หรือ แนวบิกินี เป็นที่นิยมมาก เพราะเจ็บน้อยกว่า รอยแผลสวยงาม และดูแลรักษาได้ง่ายกว่า โดยแพทย์จะลงมีดแนวขวาง และโค้งเล็กน้อยบนลำตัวคุณแม่บริเวณเหนือหัวหน่าวหรือที่เรียกว่าเส้นบิกินี่ ความยาวของแผลผ่าตัดส่วนใหญ่จะประมาณ 12-15 ซม. 3. ผ่าตัดคลอด ใช้เวลากี่นาที การผ่าคลอดไม่ต้องรอให้ปากมดลูกเปิดเหมือนการคลอดธรรมชาติ คุณแม่จึงไม่ต้องคอยนานเพื่อที่จะเห็นหน้าลูกน้อย โดยปกติการผ่าคลอดใช้เวลาราว 45 นาที - 1 ชั่วโมงเท่านั้น เรียกว่าไวทันใจมาก ๆ ค่ะ พอนำเด็กออกมาแล้ว คุณหมอจะยกรกออกมาด้วย และฉีดสารออกซิโตซินกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว ลดการเสียเลือด พร้อมกับป้องกันการตกเลือดหลังคลอด จากนั้นจะเย็บปิดแผลที่มดลูก ชั้นกล้ามเนื้อ และผิวหนังบริเวณหน้าท้องตามลำดับ 4.
4 จากนั้นให้หายใจเข้าลึกเต็มเต็มที่ กลั้นหายใจไว้สักครู่ และไอออกมาอย่างแรงและเร็วทันที ตามด้วยการหายใจเข้าออกตามปกติ 4. การใช้ Triflo อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ 4. 1 เป็นชุดช่วยบริหารปอดใช้สำหรับลดภาวะแทรกซ้อนก่อนและหลังการผ่าตัด ป้องกันและลดอาการปอดอักเสบ ปอดบวมหรือสำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายหรือนอนบนเตียงเป็นเวลานานๆ เครื่องนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยได้ฝึกการหายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ เพื่อบริหารกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ และช่วยให้การทำงานของปอดเป็นปกติ 4. 2 ขั้นตอนการใช้ Triflo 4. 1 ให้ผู้ป่วยนั่งหลังตรง ถือเครื่องมือไว้ระดับอก โดยให้ผู้ป่วยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้ว ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ประมาณ 2 - 3 ครั้ง 4. 2 ค่อยๆ ดูด จนกระทั่งลูกบอลลอยขึ้นทั้ง 3 ลูก ดูดขึ้นค้างไว้ ประมาณ 3 - 5 วินาที (นับ 1 - 5) หรือเท่าที่ร่างกายจะสามารถทำได้ แล้วผ่อนลมหายใจออกทำเช่นนี้ 10 - 20 ครั้ง วันละ 3 - 4 รอบ (พยายามให้ผู้ป่วยดูดได้อย่างน้อยวันละ 100 ครั้ง/วัน ก็จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอดได้ดีขึ้น) 4. 3 กรณีนั่งหลังตรงไม่ได้ ให้ดูดท่านอนได้ แต่ควรดูดขณะนอนอยู่ในท่าต่างๆ เช่น ท่านอนหงาย ท่าตะแคงซ้าย-ขวา เพื่อให้ปอดขยายได้ทุกทิศทาง 4.
2 การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ ( Heart Bypass หรือ Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) การผ่าตัดประเภทนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและภาวะแน่นหน้าอก โดยนำหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาเย็บติดเข้ากับหลอดเลือดหัวใจในตำแหน่งเหนือหรือใต้จุดที่เกิดการอุดตันเพื่อทำทางเบี่ยงช่วยให้เกิดการไหลเวียนของเลือดอ้อมหลอดเลือดที่มีการอุดตัน 2. การผ่าตัดลิ้นหัวใจ ( Valve Surgery) หากลิ้นหัวใจเกิดความเสียหาย ก็จำเป็นจะต้องมีการผ่าตัดโดยวิธีต่อไปนี้ 2. 1 การผ่าตัดใส่ลิ้นบอลลูน ( Balloon Valve Surgery) ลิ้นหัวใจที่ตีบแคบสามารถถูกยืดออกด้วยการผ่าตัดใส่ลิ้นบอลลูน ซึ่งจะมีการสอดท่อสายสวนพลาสติก (Catheter) เข้าไปในหลอดเลือดแดงใหญ่ผ่านทางขาหนีบ แล้วค่อยๆ นำท่อไปยังหัวใจ จากนั้นจะมีการสอดบอลลูนที่พองลมขนาดเล็กผ่านสายสวนเข้าไป เมื่อบอลลูนไปถึงตำแหน่งของลิ้นที่เสียหายแล้ว บอลลูนจะพองลมออกและยืดลิ้นหัวใจออก จากนั้นบอลลูนจะหดขนาดลงก่อนถูกดึงออกมาจากหัวใจพร้อมสายสวน 2. 2 การซ่อมแซมลิ้นหัวใจ ( Valve Repair) การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจส่วนมากจะดำเนินการเพื่อรักษาโรคลิ้นหัวใจ โดยจะทำการผ่าตัดเพื่อรักษาลิ้นหัวใจที่ทำงานผิดปกติที่ยังพอซ่อมแซมได้ เช่น ไมตรัลไหลย้อนกลับ (Mitral Valve Regurgitation) 2.